เหรียญหายากห้าเหรียญบอกเล่าเรื่องราวของการขยายตัวของศาสนาอิสลามจากคาบสมุทรอาหรับ และให้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการกำเนิดของเหรียญอิสลาม
พวกมันมีอายุนานกว่าหนึ่งพันปี เหรียญห้าเหรียญจากศตวรรษแรกของศาสนาอิสลามที่แสดงให้เห็นว่าอารยธรรมใหม่ได้ดัดแปรเหรียญจากจักรวรรดิที่มีอยู่แล้วและสร้างเหรียญอิสลามของตนเองขึ้นมาใหม่
ก่อนที่จะใช้เหรียญ ชาวอาหรับใช้การแลกเปลี่ยนสินค้า (trade-barter society) เช่นแลกเปลี่ยนอาหาร ปศุสัตว์ ตลอดจนเครื่องเทศและน้ำหอมที่หายากเช่นกำยานและไม้หอมที่ได้จากการเดินทาง หลังจากการเสียชีวิตของศาสดามูฮัมหมัดของอิสลามในศตวรรษ 632 จักรวรรดิอิสลามยังคงขยายตัวภายใต้ราชวงศ์อุมัยยะห์ ในศตวรรษที่ 7 แห่งอาระเบีย เหรียญที่มีอยู่จากจักรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิซาเซเนียน (จักรวรรดิเปอร์เซียสุดท้ายก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามาเป็นมหาอำนาจ กินดินแดนรวมถึงซีเรีย จอร์แดน เลบานอนและอียิปต์ในปัจจุบัน) ได้กลายเป็นเหรียญแรกๆ ที่ชาวมุสลิมใช้
หนึ่งในตัวอย่างแรกสุดของเหรียญทองนี้ แสดงให้เห็นการดัดแปรจากยุคศตวรรษที่ 6 ซึ่งมีน้อยชิ้นที่เหลือรอดมาได้
“ต้นแบบไบเซนไทน์ที่มีอยู่ถูกนำมาใช้ในการตีเหรียญทองใหม่ แต่สัญลักษณ์คริสเตียนที่ชัดเจนเช่นไม้กางเขนก็ถูกลบออกไปอย่างง่ายๆ” สตีเฟ่น ลอยด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญของมอร์ตันและเอเดนกล่าว “ในช่วงยุคต้นของการพิชิตของชาวมุสลิมยังไม่มีประเพณีของการสร้างเหรียญ ดังนั้นผู้ปกครองเพียงแค่ดัดแปลงหรือรับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ใช้อยู่เพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเอง“
เช่นเหรียญเงินอาหรับ-ซาเซเนียนนี้ เหรียญถูกขนานนามว่า “กาหลิบยืน” (tanding Caliph) เพราะด้านหนึ่งแสดงให้เห็นรูปยืนของชายคนหนึ่งถือดาบ ซึ่งคาดว่า จะเป็นกาหลิบอับดุลมาลิก แห่งราชวงศ์อุมัยยะห์ เหรียญที่ได้รับความนิยมนั้นถูกตีด้วยทองคำและทองแดงในซีเรีย โดยดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์แห่งศาสนาอิสลามนี้
ส่วนอีกด้านหนึ่งของเหรียญ “กาหลิบยืน” แสดงให้เห็นรูปปั้นครึ่งตัวของกษัตริย์โคสโรว์ที่ 2 แห่งจักรวรรดิซาเซเนียน (ค.ศ.591-628) เหรียญนี้มีความคล้ายคลึงกับเงินดแร็ม (drachms) ซึ่งแพร่หลายอยู่ในเวลานั้น จากจุดนี้ในประวัติศาสตร์ การพิชิตของชาวมุสลิมได้ขยายออกไปทั้งตะวันออกและตะวันตก รวมกันทั้งอดีตจักรวรรดิไบแซนไทน์และซาเซเนียน และเหรียญของพวกเขาอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียว (เครดิต: Morton & Eden)
“The Mihrab and Anaza drachm” คือชื่อของเหรียญนี้ที่ได้มาจากการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน เหรียญนี้เป็นนภาพแรกสุดของเมี๊ยะหรอบ (Mihrab) หรือทรงซุ้มโค้ง) ซึ่งเป็นโครงสร้างโค้งที่แตกต่างที่มักพบในสถาปัตยกรรมอิสลาม ตรงกลางมี anaza หรือหอกเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงโดยศาสดามูฮัมหมัด นักวิชาการยังชี้ด้วยว่า อาจใช้เหรียญนี้เป็นเหรียญทหาร เนื่องจากภาพเกราะในเหรียญ (เครดิตรูปภาพ: Morton & Eden)
“ หลังจากสามทศวรรษของเหรียญลูกผสมในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในปีฮิจเราะห์ 77 (ปฏิทินอิสลาม ตรงกับค.ศ.696] เหรียญดีนาร์ทองคำแรกของราชวงศ์อุมัยยะห์ก็ได้ถูกตีขึ้น เท่ากับประกาศให้กำเนิดเหรียญอิสลามใหม่หมดจด” ลอยด์กล่าว สิ่งเหล่านี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบโดยไม่แสดงภาพเหมือนเหรียญก่อนหน้า – มีเพียงแค่คำพูดที่ชัดเจนและเรียบง่ายจากอัลกุรอาน ตรงกันข้ามกับหลักคำสอนของคริสเตียนในตรีเอกานุภาพ เหรียญเหล่านี้ถูกจารึกด้วยคำที่เน้นความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า เช่น “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระเจ้า” ในภาษาอาหรับ
เหรียญดีนาร์ใหม่ที่จารึกคัมภีร์กุรอานกลายเป็นเหรียญมาตรฐานที่ผลิตภายใต้กรปกครองของราชวงศ์อุมัยยะห์ รูปแบบของเหรียญนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์อิสลามนี้ในปีค.ศ. 749 และแม้ว่าการตีเหรียญจะถูกจารึกว่าเริ่มต้นในยุคกาหลิบอับดุลมาลิก แต่ก็พบว่าหลังจากนั้นก็มีเหรียญต่างๆ รุ่นหลังที่ออกมาภายใต้ราชวงศ์อับบาซิยะห์แห่งแห่งจักรวรรดิอิสลามเกือบหกศตวรรษต่อมา เหรียญจากยุคอิสลามยุคแรกยังคงพบได้ทั่วโลก รวมถึงเหรียญเหล่านี้ที่เป็นของนักสะสมชาวต่างชาติ และกลับไปยังสภาโบราณวัตถุของอียิปต์ในปี 2010 (เครดิต: AFP)
เหรียญจากยุคอิสลามยุคแรกที่ยังเหลือรอดเป็นที่ต้องการอย่างมากจากนักสะสมชาวอาหรับและชาวต่างชาติโดยมีนักสะสมชาวยุโรปคนหนึ่งซื้อเมื่อไม่นานมานี้ในราคาประมูล 3.7 ล้านปอนด์ในการประมูลในเดือนตุลาคม 2562
(เครดิตรูปภาพ: Morton & Eden)
อ้างอิง : https://www.middleeasteye.net