อเล็กซานเดรีย… สุสานที่สาบสูญแห่งอียิปต์

1811
เมืองอเล็กซานเดรียปัจจุบัน ภาพจากยูเนสโก

เมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) อยู่ทางเหนือสุดของอียิปต์ เป็นเมืองเก่าที่ติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เคยปกครองโดยชาวเมืองอียิปต์ ดั้งเดิมแล้วก็ตกเป็นของกรีก โรมัน จนมาถึงการเข้ามาของศาสนาอิสลามจากอาณาจักรออโตมัน เมืองนี้เลยมีศิลปะของทางกรีก โรมัน ตุรกี ปนๆ กัน เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในประเทศอียิปต์ รองจากกรุงไคโร มีประชากรประมาณ 3-5 ล้านคน และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมัน ปกครองอียิปต์
เดิมทีเป็น หมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า ราคอนดาห์ โดยเมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเดินทางมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมือง เพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์

นอกจาก นี้เมืองอเล็กซานเดรีย ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ พระนางคลีโอพัตรา และจอมทัพผู้กล้าแห่งโรมัน มาร์ค แอนโทนี ปัจจุบันเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคแรก อยู่อีก 2 แห่ง คือ ประภาคารแห่งเมืองอเล็กซานเดรีย กับ สุสานของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ แต่ก็พังหายสาบสูญไปกันจนหมดไม่เหลือแล้ว ประภาคารนั่นก็พังลงมา แล้วสร้างเป็นป้อม Citadel ขึ้นมาแทน

นอกจากนี้เมืองแห่ง ประวัติศาสตร์อย่าง Alexandria ในยุคโบราณได้หายสาบสูญไปกว่า 1,600 ปี ไม่ว่าจะเป็นละครเวทีที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของที่เกี่ยวเนื่องกับ Cleopatra, Julius Caesar, MarcAntony และOctavius เหล่านี้ล้วนถูกจมหายภายใต้กระแสน้ำ นักโบราณคดีค้นพบว่าทุกสิ่งจมอยู่ใต้น้ำหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนา มิ สถานที่แห่งนี้เคยมีประชากรถึง 500,000 คน ถ้าจะบันทึกประวัติศาสตร์แห่งนี้อาจต้องใช้บัญชีหางว่าวมากกว่า 7 แสนเล่ม

อียิปต์ วางแผนสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ ที่เมืองอเล็กซานเดรีย บริเวณที่พระราชวัง ของพระนางคลีโอพัตราจมลงสู่ท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อประมาณศตวรรษที่ 4 เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

เมื่อปี 2551 ยูเนสโกแถลงว่า จะจัดเงินทุนสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพิพิธภัณฑ์ใต้ทะเล โดยบริเวณที่จะสร้างคือ ‘ห้องสมุดใหม่แห่งอเล็กซานเดรีย’ ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่พระนางคลีโอพัตราหลบซ่อนตัวอยู่กับมาร์ค แอนโทนี่ ก่อนปลงพระชนม์ชีพ

เมื่อราวสิบกว่าปีที่แล้ว นักโบราณคดีได้ดำน้ำลงไปดูซากนครอเล็กซานเดรีย ในความลึก 5-6 เมตร พบว่า ในอ่าวอเล็กซานเดรียแห่งนี้มีสมบัติโบราณเต็มไปหมด ประเมินแล้วมากกว่า 2,000 ชิ้น ทั้งสฟิงห์ 26 ตัว ซากเรืออับปางที่เป็นของโรมันและกรีกโบราณ

นาย นากิบ อามิน ผู้เชี่ยวชาญจากสมัชชาสูงสุดโบราณวัตถุอียิปต์ กล่าวว่า “สมบัติใต้ท้องทะเลที่พบนี้ดูแล้วน่าประทับใจจริงๆ เมืองโบราณอเล็กซานเดรียทั้งเมืองจมอยู่ใต้ทะเล ทั้งยังน่าจะเป็นที่ตั้งของ โบราณสถาน อย่างประภาคารฟาโรห์แห่งอเล็กซานเดรีย ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณ” ด้านนายฌากส์ รูจเจอรี่ สถาปนิกชาวฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในคณะการศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ กล่าวว่า “ธรรมชาติเป็นผู้สร้างบรรยากาศแปลกใหม่ ไม่เหมือนกับการเข้าไปชมโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์อื่นๆ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ คงเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับนักบินอวกาศเมื่อขึ้นไปบนอวกาศ”

รูจเจอ รี่ออกแบบพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำให้ มีเสารูปใบเรือสูง 4 มุม เหมือนกับเรือแห่ง เฟลลูคัส ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ท่องแม่น้ำไนล์ในสมัยโบราณ บนยอดเสา 4 ยอด เป็นสัญลักษณ์ แทนประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลในอ่าวมีความขุ่นมาก นักท่องเที่ยวอาจมองเห็นความสวยงามของโบราณวัตถุใต้ทะเลไม่ชัด โดยทางแก้อาจเป็นทำความสะอาดน้ำทะเลในบริเวณนั้นใหม่ หรือสร้างอ่าวเทียมขึ้นมาแทนที่

การสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้ทะเลของ อียิปต์ไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำตามกฎของยูเนสโกเมื่อพ.ศ.2544 ที่เห็นว่า โบราณวัตถุใต้น้ำก็ควรเก็บรักษาไว้ใต้น้ำ เพื่อเป็นการเคารพประวัติศาสตร์ ทั้งยังเป็นวิธีการเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ดี ถ้าการศึกษาความเป็นไป ได้ของการสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำสรุปได้ว่า การสร้างพิพิธภัณฑ์จะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับประวัติศาสตร์ การก่อสร้างก็น่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี

ถึงตอนนั้นรัฐบาล อียิปต์หวังว่า เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวจะเข้ามาสู่ประเทศมหาศาล ทั้งยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเมืองอเล็กซานเดรียด้วย.