เรื่องจริงที่ฟังดูเกือบเหมือนตำนานเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เด็กชายวัยเพียง 13 ปีจากจังหวัดคุนดุซ ประเทศอัฟกานิสถาน ลักลอบเข้าไปซ่อนตัวในห้องเก็บล้อหลังของเครื่องบินสายการบิน Kam Air ที่สนามบินกรุงคาบูล หวังหนีออกจากประเทศ แต่กลับรอดชีวิตจากการเดินทางสุดอันตรายถึงกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
ตามรายงานของสื่อ เด็กชายมีเพียงลำโพงสีแดงติดตัว เขาเดินตามผู้โดยสารเข้าไปในเขตหวงห้าม ก่อนหายเข้าไปในช่องล้อเครื่องบิน โดยไม่รู้ว่าลำเครื่องนั้นไม่ได้บินไปอิหร่านตามที่เขาตั้งใจ แต่ตรงไปยังอินเดียแทน
การเดินทางที่แทบเป็นไปไม่ได้
เที่ยวบินดังกล่าวใช้เวลาราว 94 นาที และเมื่อถึงสนามบินนิวเดลี เจ้าหน้าที่สายการบินพบเด็กชายเดินวนเวียนในพื้นที่หวงห้าม จึงควบคุมตัวและส่งมอบให้หน่วยรักษาความปลอดภัย ก่อนจะถูกส่งกลับคาบูลภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินชี้ว่า โอกาสรอดจากการซ่อนตัวในห้องล้อเครื่องบินนั้นแทบไม่มี เพราะความสูงกว่า 30,000 ฟุต มาพร้อมกับอากาศเบาบางจนหมดสติ และอุณหภูมิที่อาจต่ำถึง -60 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงไม่กี่นาทีก็ทำให้เกิดอาการน้ำแข็งกัดและเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม เด็กชายโชคดีอย่างยิ่งที่พื้นที่ดังกล่าวอาจยังคงแรงดันอากาศและอุณหภูมิใกล้เคียงห้องโดยสาร ทำให้ร่างกายพอจะทนทานต่อการเดินทางเกือบชั่วโมงครึ่งได้
ความเสี่ยงที่คร่าชีวิตส่วนใหญ่
ข้อมูลจากสำนักงานการบินสหรัฐฯ ระบุว่า ระหว่างปี 1947–2020 มีผู้พยายามลักลอบขึ้นเครื่องบินด้วยวิธีนี้ 128 ราย แต่กว่า 75% จบลงด้วยความตาย ตัวเลขสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องราวครั้งนี้แทบจะเข้าข่าย “ปาฏิหาริย์”
อินเดียเองมองกรณีนี้ว่าเป็น “ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย” ที่ต้องให้ความสำคัญ ขณะที่สังคมโลกยังตั้งคำถามว่า อะไรผลักดันให้เด็กชายวัยเพียง 13 ปี เลือกเสี่ยงชีวิตกับการซ่อนตัวในล้อเครื่องบินเพียงเพื่อออกจากแผ่นดินเกิด