
ซาอุดีอาระเบียประกาศค้นพบแหล่งโบราณคดีสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค เมื่อเจ้าชายบัดร์ บิน อับดุลลอฮ์ อัล-ฟะรฮาน รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม เผยการค้นพบ “มะซียูน” (Masiyun) เมืองโบราณทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองตาบูก ซึ่งนักโบราณคดีญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยคานาซาวะและโครงการ NEOM ร่วมขุดค้นกับคณะนักวิจัยซาอุดีอาระเบีย
การวิเคราะห์พบว่า แหล่งนี้มีอายุราว 11,000–10,300 ปีก่อน ตรงกับยุคหินใหม่ก่อนเครื่องปั้นดินเผา ทำให้ “มะซียูน” กลายเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ในคาบสมุทรอาหรับ
ดร.อะญับ อัล-อุตัยบี จากสำนักงานมรดกแห่งชาติกล่าวว่า การค้นพบนี้ “ช่วยเขียนแผนที่อารยธรรมใหม่” เพราะทำให้คาบสมุทรอาหรับถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ “ฮิลาลอันอุดมสมบูรณ์” (Fertile Crescent) ซึ่งก่อนหน้านี้มักจำกัดอยู่แค่เมโสโปเตเมียและลิแวนต์
สิ่งที่ทีมวิจัยพบ ได้แก่
-
เมล็ดข้าวสาลีและเคียวหิน → บ่งชี้ว่ามีการเพาะปลูก
-
กระดูกสัตว์ → สะท้อนการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้ประโยชน์
-
เครื่องมือหิน เช่น หัวลูกศร มีด หินโม่ → ใช้ในการล่าสัตว์และบดธัญพืช
นี่เป็นหลักฐานการเปลี่ยนผ่านจาก สังคมล่าสัตว์–เก็บของป่า ไปสู่ สังคมเกษตรกรรม
แม้ “มะซียูน” จะถูกบันทึกไว้ในทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติซาอุฯ ตั้งแต่ปี 1978 แต่การสำรวจเชิงลึกเพิ่งเริ่มในปี 2022 และใช้เวลา 4 ฤดูขุดค้นเต็ม จนถึงกลางปี 2024 ทีมโบราณคดีจึงเผยให้เห็นโครงสร้างเมืองโบราณ เช่น บ้านเรือนหินแกรนิตทรงกลม ห้องเก็บของ ทางเดิน และกองไฟ
ยังพบ เครื่องประดับจากหินอเมซอไนต์ ควอตซ์ และเปลือกหอย รวมถึงเศษหินสลักลวดลายเรขาคณิต บ่งบอกถึงความเชื่อและรสนิยมเชิงสัญลักษณ์ในชุมชน
ดร.คอลิด อัล-อัสมารี จากมหาวิทยาลัยคิงซาอุดย้ำว่า “การค้นพบครั้งนี้หักล้างแนวคิดเก่าที่ว่าคาบสมุทรอาหรับเป็นเพียงทางผ่าน” และพิสูจน์ว่าที่นี่เคยมี รากวัฒนธรรมเก่าแก่ ไม่ต่างจากดินแดนต้นกำเนิดอารยธรรมอื่น ๆ
สำหรับซาอุดีอาระเบีย นี่คือการยืนยันว่าแผ่นดินของตนคือ บ้านของหนึ่งในชุมชนมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันโครงการ Vision 2030 ที่ต้องการให้ซาอุฯ เป็นศูนย์กลางความรู้และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระดับโลก
อ้างอิง https://asharq.com/