งานวิจัยใหม่เปิดเผยว่า นักปราชญ์แห่งอารยธรรมมายาในอเมริกากลางไม่ได้ทิ้งไว้เพียงตำราพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังสร้าง “ตารางสุริยุปราคา” อันละเอียดซับซ้อน ซึ่งสามารถทำนายปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ และวันนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจหลักการคำนวณนั้นได้ทีละขั้นตอน
การศึกษาดังกล่าวเผยแพร่ในวารสาร Science Advances เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยตีความใหม่ “ตารางสุริยุปราคา” ที่ปรากฏในคัมภีร์ดรสเดน (Dresden Codex) หนึ่งในสมุดโบราณหายากที่สุดของชาวมายา ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ตารางนี้มิได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ลึกลับทางศาสนา แต่เป็น “เครื่องคำนวณทางดาราศาสตร์” ที่ออกแบบด้วยระบบเชิงคณิตศาสตร์อย่างมีตรรกะ
คัมภีร์ดรสเดน: สมุดโบราณจากเปลือกไม้
คัมภีร์ดรสเดนเป็นหนังสือพับลักษณะหีบเพลง ทำจากเปลือกไม้ “อามัต” (amat) ยาวประมาณ 3.56 เมตร ประกอบด้วย 39 แผ่น (78 หน้า) ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดรัฐแซกโซนี มหาวิทยาลัยเดรสเดน ประเทศเยอรมนี
การศึกษาชี้ว่า “ตารางสุริยุปราคา” ในคัมภีร์นี้บันทึกลำดับของช่วงจันทร์ดับ (New Moon) ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 405 เดือนจันทรคติ รวม 69 ช่วงเวลา โดย 55 ช่วงใช้สำหรับทำนายสุริยุปราคา ส่วนอีก 14 ช่วงเป็นค่าจำลองเพื่อรักษาความแม่นยำของระบบคำนวณ สะท้อนแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่เป็นระบบอย่างชัดเจน

วิทยาศาสตร์ในคราบศาสนา
ศาสตราจารย์จอห์น จัสทิสัน (John Justeson) จากมหาวิทยาลัยรัฐนิวยอร์ก เมืองออลบานี ผู้เขียนนำของงานวิจัย ให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราว่า “รายละเอียดทางเทคนิคเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้สร้างตารางตั้งใจพัฒนาระบบที่ใช้ได้ในระยะยาว ไม่ใช่เพียงบันทึกเหตุการณ์หลังเกิดขึ้นแล้ว”
จัสทิสันกล่าวต่อว่า การค้นพบนี้ช่วยเปลี่ยนมุมมองของวงวิชาการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์ในอารยธรรมมายา เพราะบรรดาพระและนักเขียนคัมภีร์ที่ดูแลปฏิทินไม่ได้ทำงานเพียงเชิงพิธีกรรม แต่ยังใช้การวัด การคำนวณ และการจำลองแบบฟ้าด้วยหลักการดาราศาสตร์อย่างมีเหตุผล
งานวิจัยยังระบุว่า โครงสร้างของตารางได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกและปรับปรุงหลายครั้ง เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาด ซึ่งเป็นคุณลักษณะของงานวิทยาศาสตร์ที่มีระบบ แม้จะเกิดขึ้นก่อนยุคกล้องโทรทรรศน์หลายศตวรรษ
เมื่อพิธีกรรมกลายเป็นการพยากรณ์
การศึกษานี้ยังได้ไขข้อถกเถียงที่ยาวนานว่า ตารางเหล่านี้เป็นพิธีกรรมหรือเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์กันแน่ โดยผลสรุประบุว่า “แนวทางทางวิทยาศาสตร์มีน้ำหนักมากกว่า” เพราะสามารถอธิบายได้ว่าชาวมายาใช้การรวมช่วงเวลา 5 และ 6 เดือนจันทรคติ เข้าด้วยกันในลำดับต่อเนื่อง เพื่อระบุช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดสุริยุปราคมากที่สุด
จากการคำนวณนี้ ทำให้ชาวมายาสามารถคาดการณ์เหตุการณ์บนฟ้าได้ล่วงหน้า แทนที่จะเพียงเฝ้าดูและบันทึกหลังเกิดขึ้นแล้ว กล่าวได้ว่า “พวกเขาเปลี่ยนการเฝ้าสังเกตให้กลายเป็นการทำนาย”
รหัสแห่งท้องฟ้า
จัสทิสันกล่าวว่า “ผลลัพธ์นี้เตือนให้เราระลึกว่า ความแม่นยำไม่ได้จำเป็นต้องมาจากเทคโนโลยีล้ำยุค หากแต่เริ่มต้นจากการสังเกตระยะยาวและตรรกะที่ชัดเจน” พร้อมเสริมว่า การค้นพบนี้ยังคืนความยุติธรรมให้กับอารยธรรมที่ไม่ใช่ตะวันตกในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
เขากล่าวต่อว่า “เมื่อราว 1,500 ปีก่อน ชาวมายาสร้างเครื่องคำนวณกระดาษเพื่อทำนายสุริยุปราคา มันคือเครื่องมือที่อ่านภาษาของท้องฟ้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อใช้ในการตัดสินใจทั้งทางศาสนา เกษตรกรรม และการบริหารชุมชน”
งานวิจัยสรุปว่า การที่นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันสามารถสร้างแบบจำลองของตารางได้อีกครั้ง หมายความว่า เรามี “แผนที่ทางความคิด” ของนักดาราศาสตร์มายา ซึ่งอาศัยการสังเกตท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง การแบ่งเวลาเป็นหน่วยคำนวณได้ และการปรับปรุงแบบจำลองผ่านหลายชั่วอายุคน เพื่อรักษาความเที่ยงตรงและความต่อเนื่องของระบบ
จัสทิสันทิ้งท้ายว่า “นี่คือผลงานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นเอกในยุคโบราณ ที่พิสูจน์ว่าชาวมายาเข้าใจ ‘ภาษาของดวงดาว’ ก่อนที่โลกจะมีเครื่องมืออ่านมันเสียอีก พวกเขาไม่ได้รอปาฏิหาริย์จากท้องฟ้า แต่เรียนรู้ที่จะอ่านมันด้วยปัญญา”













