“จระเข้แห่งหุบเขา” : การค้นพบสัตว์โบราณสายพันธุ์อียิปต์ที่เหนือกว่าดึกดำบรรพ์

3
ภาพจำลองทางวิทยาศาสตร์ของ “วาดีซูคส์ คัสซาบี” แสดงให้เห็นตัวเต็มวัยกำลังคาบปลาปอดอยู่ในสภาพแวดล้อมชายฝั่งชื้น (เครดิตภาพ: ศูนย์ซากดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยมันซูรา – นาธาน ดูฮอต)

ขณะที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อราว 66 ล้านปีก่อน หลังการชนของดาวเคราะห์น้อยขนาดมหึมา ยังมีสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่รอดชีวิตมาได้ พวกมันไม่ใช่ไดโนเสาร์ แต่คือเหล่าสัตว์เลื้อยคลานจากตระกูลลึกลับที่เรียกว่า ไดโรซอริดส์ (Dyrosaurids) ซึ่งเป็นพยานเงียบของธรรมชาติที่รู้จักวิธีเอาตัวรอดในยุคแห่งความสูญสิ้น

ตำนานใหม่จาก “หุบเขาแห่งจระเข้”

ทีมนักวิจัยจาก ศูนย์วิจัยซากดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยมันซูรา ได้เพิ่มสมาชิกใหม่ให้กับตระกูลนี้ โดยค้นพบซากของนักล่าโบราณสายพันธุ์ใหม่ในพื้นที่ จังหวัดวาดี เอล-ญะดีด (El-Wadi el-Gedid) ทางตะวันตกของอียิปต์ สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้ถูกตั้งชื่อว่า “วาดีซูคส์ คัสซาบี (Wadisyuchus kassabi)”

ดร.ฮิชาม ซาลาม หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า

“ชื่อวาดีซูคส์มีรากมาจากคำว่า วาดี ซึ่งหมายถึงสถานที่ค้นพบ และ ซูคส์ มาจากเทพเจ้าโบราณซูเบค (Sobek) เทพแห่งพลังและความอุดมสมบูรณ์ที่มีหัวเป็นจระเข้ ส่วน คัสซาบี ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.อาหมัด คัสซาบ นักธรณีวิทยาผู้บุกเบิกของอียิปต์”

ซารา ซาเบอร์ ผู้เขียนหลักของงานวิจัย (มหาวิทยาลัยอัสยูต / ศูนย์ซากดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยมันซูรา) ถ่ายภาพคู่กับหนึ่งในตัวอย่างฟอสซิลของวาดีซูคส์ คัสซาบี (ภาพโดย ฮิชาม ซาลาม – ศูนย์ซากดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยมันซูรา)

เผยความลับแห่ง “หุบเขาใหม่”

เมื่อราว 80 ล้านปีก่อน พื้นที่ที่เป็นจังหวัดวาดี เอล-ญะดีดในปัจจุบัน เคยเป็นทะเลตื้นที่เต็มไปด้วยสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์ชนิดนี้ พวกมันแตกต่างจากจระเข้สมัยใหม่ที่อาศัยในแม่น้ำ เพราะชอบน้ำเค็มและทะเลชายฝั่ง

วาดีซูคส์มีความยาวประมาณ 3.5–4 เมตร มีจมูกเรียวยาว ฟันคมซ้อนแน่นสำหรับจับเหยื่ออย่างปลาสมุทรและเต่าทะเล มันสามารถว่ายน้ำได้อย่างว่องไว แต่ยังเคลื่อนตัวบนบกได้เพื่อวางไข่หรือจับเหยื่อเหมือนจระเข้ในยุคปัจจุบัน

ตัวอย่างจำลองอีกชิ้นของฟอสซิลวาดีซูคส์ ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีสแกนภาพตัดขวางด้วยคอมพิวเตอร์ (ภาพโดย ฮิชาม ซาลาม – ศูนย์ซากดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยมันซูรา)

บทใหม่ของวิวัฒนาการจระเข้

นักวิทยาศาสตร์พบชิ้นส่วนกะโหลกและขากรรไกรของวาดีซูคส์ถึงสามตัวอย่างในช่วงอายุที่ต่างกัน พร้อมใช้เทคโนโลยี สแกนสามมิติ (CT Scan) เพื่อศึกษาภายในอย่างละเอียด

ดร.ซารา ซาเบอร์ จากมหาวิทยาลัยอัสยูต กล่าวว่า

“เราพบว่าวาดีซูคส์มีฟันหน้าเพียง 4 ซี่แทนที่จะเป็น 5 ซี่เหมือนญาติใกล้เคียง และมีรูจมูกอยู่สูงกว่าปกติ เพื่อหายใจได้ขณะลอยอยู่บนผิวน้ำ”

ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า แอฟริกาอาจเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูลไดโรซอริดส์ทั้งหมด ก่อนที่มันจะกระจายไปทั่วโลก และวาดีซูคส์เองถือเป็นสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดของสายพันธุ์นี้เท่าที่เคยค้นพบ

ขุมทรัพย์แห่งทะเลทรายตะวันตก

ดร.ซาลามกล่าวทิ้งท้ายว่า

“การค้นพบนี้ไม่เพียงเผยให้เห็นความสำคัญของตระกูลจระเข้โบราณเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำว่าทะเลทรายตะวันตกของอียิปต์ยังซ่อนสมบัติทางวิทยาศาสตร์ที่รอการเปิดเผยอีกมาก”

“หน้าที่ของเราคือไม่เพียงค้นหา แต่ต้องปกป้องมันจากการบุกรุกและพัฒนาเมือง เพราะนี่คือมรดกของมนุษยชาติทั้งหมด”

..

ที่มา: Al Jazeera Arabic, The Zoological Journal of Linnean Society, ศูนย์ซากดึกดำบรรพ์ ม.มันซูรา
เรียบเรียงโดย: ทีม Assajan.com