ในหนังสือเล่มต่อไปของเขาที่ชื่อ Extraterrestrial: The First Sign of Intelligent Life Beyond Earth (นอกโลก: สัญญาณแรกของชีวิตอัจฉริยะที่อยู่นอกโลก) นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎี “อาวี โลบ” (Avi Loeb) ได้วางทฤษฎีของเขาเกี่ยวกับวัตถุที่มีรูปร่างแปลกประหลาดซึ่งเข้าสู่ระบบสุริยะของเราเมื่อหลายปีก่อน
วัตถุระหว่างดวงดาวที่มีชื่อว่า “Oumuamua” ถูกสังเกตครั้งแรกผ่านกล้องโทรทรรศน์ Pan-STARRS ที่หอดูดาว Haleakala ของฮาวายในปี 2560 นักวิจัยระบุว่าวัตถุดังกล่าวได้ผ่านระนาบสุริยุปราคาเมื่อวันที่ 6 กันยายนจากทิศทางของเวกาซึ่งเป็นดาวในไลรา กลุ่มดาวที่อยู่ห่างจากโลกของเราประมาณ 25 ปีแสง
เพียงสามวันหลังจากนั้น กล้องโทรทรรศน์ที่ฮาวายก็พบว่าวัตถุระหว่างดวงดาวนี้ เริ่มเร่งความเร็วเข้าหาดวงอาทิตย์ก่อนที่มันจะเข้าใกล้โลกในที่สุดในวันที่ 7 ต.ค. “เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปยังกลุ่มดาวเพกาซัสและความมืดที่อยู่ไกลออกไป” ตามข้อมูลที่ “อาวี โลบ” ระบุ
นักวิทยาศาสตร์บางคนอ้างว่า Oumuamua ซึ่งเชื่อว่าเป็นวัตถุระหว่างดวงดาวดวงแรกที่ตรวจพบในระบบสุริยะของเราเป็นเพียงดาวหางอีกดวง อย่างไรก็ตาม ศ.อาวี โลบ ประธานภาควิชาดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปฏิเสธข้อสันนิษฐานดังกล่าว เนื่องจากอาศัยความ “คุ้นเคย” มากเกินไป
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ถ้ำเห็นโทรศัพท์มือถือ” เขาตั้งคำถามในขณะที่คุยกับสื่อนิวยอร์คโพสต์ “เขาเห็นหินมาตลอดชีวิต และเขาคงคิดว่ามันเป็นแค่หินเงา”
ศ.โลบกล่าวว่า มีรายละเอียดใหญ่ๆ สองอย่างที่บ่งบอกว่า Oumuamua ไม่ใช่แค่ดาวหาง แต่เป็นเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว
รายละเอียดแรกคือขนาดของวัตถุ “ยาวกว่าความกว้าง 5 ถึง 10 เท่า” ศ.โลบระบุว่า รูปร่างคล้ายซิการ์นั้นไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับวัตถุอวกาศตามธรรมชาติ
แต่นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีคนนี้กล่าวว่า รายละเอียดที่ใหญ่ที่สุดที่สนับสนุนทฤษฎีของเขาคือการเคลื่อนไหวของ Oumuamua
“วัตถุนี้ดันออกไปจากดวงอาทิตย์ นั่นคือที่ฟางเส้นสุดท้าย” เขากล่าว
ศ.โลบอธิบายว่า แรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์จะทำให้วัตถุธรรมชาติเคลื่อนที่เร็วขึ้นเมื่อมันเข้าใกล้ และในที่สุดก็ดันวัตถุกลับ ทำให้มันเคลื่อนที่ช้าลงเมื่อเคลื่อนที่ออกไป ศ.โลบชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Oumuamua ซึ่งเร่งขึ้น “เล็กน้อย แต่มีนัยสำคัญทางสถิติอย่างมาก” ในขณะที่มันเคลื่อนออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
Source: Yahoo News