CNN – ฟันจากช้างแมมมอธที่สัญจรไปมาบนทุ่งหญ้าไซบีเรียเมื่อกว่าล้านปีก่อน ได้ให้ลำดับดีเอ็นเอที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
นี่นับเป็นครั้งแรกที่ดีเอ็นเอ (DNA) ได้รับการกู้คืนจากซากสัตว์ที่มีอายุมากกว่าล้านปี ก่อนหน้านี้ตัวอย่างดีเอ็นเอที่เก่าแก่ที่สุดมาจากม้าที่มีชีวิตอยู่ระหว่าง 560,000 ถึง 780,000 ปีก่อน
ข้อมูลนี้ที่ได้จากยักษ์ใหญ่แห่งยุคน้ำแข็งจะเปิดเผยให้เราเข้าใจว่าแมมมอธมีวิวัฒนาการและปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในสภาพอากาศหนาวเย็นได้อย่างไร นอกจากนี้ยังอาจบ่งชี้ถึงแมมมอธสายพันธุ์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ ดีเอ็นเอนี้มีอายุมากอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างเหล่านี้มีอายุมากกว่าซากของไวกิ้งเป็นพันเท่า และยิ่งไปกว่านั้นยังก่อนการดำรงอยู่ของมนุษย์และมนุษย์ยุคหินด้วย” เลิฟ ดาเลน (Love Dalen) ศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์วิวัฒนาการ จากศูนย์พันธุศาสตร์บรรพชีวิน (Center for Palaeogenetics) ในสตอกโฮล์มกล่าว
ทีมนักวิจัยนานาชาติสามารถแยกดีเอ็นเอจากฟันกรามแมมมอธสามตัวที่เก็บรวบรวมจาก“ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว” (Permafrost) ไซบีเรีย ที่ถูกพบในปี 1970 พวกเขาระบุอายุฟันโดยใช้ข้อมูลทางธรณีวิทยาและโดยการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ
งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันพุธ (17 ก.พ. 21) ที่ผ่านมา
ฟันแมมมอธที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุราว 1.2 ล้านถึง 1.65 ล้านปีก่อน
‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’
แมมมอธนี้ถูกตั้งชื่อว่า Krestovka การวิจัยพบว่าแมมมอธชนิดนี้แตกต่างจากแมมมอธไซบีเรียอื่น ๆ เมื่อกว่า 2 ล้านปีก่อน
“สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเราอย่างสิ้นเชิง การศึกษาก่อนหน้านี้ทั้งหมดระบุว่ามีแมมมอธเพียงชนิดเดียวในไซบีเรีย ณ เวลานั้น ที่เรียกว่าแมมมอธทุ่งสเตปป์ (steppe mammoth)” ทอม แวนเดอร์วอล์ค (Tom van der Valk) ผู้ร่วมวิจัยกล่าวที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งสวีเดน
เขากล่าวว่า การวิเคราะห์ดีเอ็นเอแสดงให้เห็นว่ามันมีเชื้อสายทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันสองสายพันธุ์ และอาจเป็นตัวแทนของสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน พวกเขายังเชื่อว่ามันเป็นแมมมอธเชื้อสายที่ไม่เคยถูกรู้จักมาก่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ที่อยู่ในอเมริกาเหนือเมื่อ 1.5 ล้านปีก่อน
ช้างแมมมอธที่เก่าแก่เป็นอันดับสองมีชีวิตอยู่เมื่อ 1.34 ล้านปีก่อน และอยู่ในกลุ่มที่เป็นบรรพบุรุษของแมมมอธขน ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 5,000 ปีก่อน
ดีเอ็นเอเก่าแก่
นักวิจัยกล่าวว่า ในขณะที่ “ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว” (Permafrost) ช่วยรักษาดีเอ็นเอไว้ แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องท้าทายมากที่จะแยกออกจากตัวอย่าง ดีเอ็นเอได้ย่อยสลายเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กมาก ซึ่งนักวิจัยเปรียบเทียบกับตัวต่อที่มีมากกว่าพันล้านชิ้น
ความสามารถในการสกัดและวิเคราะห์ดีเอ็นเอที่มีอายุนับล้านปี จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถติดตามต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันได้ รวมทั้งอาจเป็นของเราเอง ในทางทฤษฎีนักวิจัยกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแยกดีเอ็นเอจากตัวอย่างที่มีอายุ 2.6 ล้านปี
นั่นคืออายุของดินที่แห้งแล้งที่สุด – ดินที่ยังคงแข็งตัวตลอดทั้งปี และช่วยหยุดดีเอ็นเอจากการย่อยสลาย ไม่น่าเป็นไปได้ที่ดีเอ็นเอโบราณจะสามารถเก็บรักษาไว้ได้อย่างดีนอกบริเวณที่แห้งแล้ง พวกเขากล่าว